ReadyPlanet.com
dot dot
dot
VinitoTravel Licence 11 / 09847
dot
bulletใบอนุญาตนำเที่ยวของเรา
bulletMy Profile
bulletบอร์ดทีลอซู
dot
ทัวร์ต่างประเทศ By VinitoTravel.Com
dot
bulletทัวร์เวียดนาม
bulletทัวร์เวียดนาม 4 วัน 3 คืน
bulletทัวร์เวียดนามเหนือ
bulletทัวร์เวียดนามกลาง
bulletทัวร์เวียดนามใต้
bulletทัวร์ซาปา
bulletทัวร์ดานัง
bulletทัวร์ดาลัด
bulletทัวร์ลาว
bulletทัวร์ลาว 3 วัน 2 คืน
bulletทัวร์ลาว 4 วัน 3 คืน
bulletทัวร์หลวงพระบาง
bulletทัวร์วังเวียง
bulletทัวร์เวียงจันทน์
bulletทัวร์สิงคโปร์
bulletทัวร์สิงคโปร์ 3 วัน 2 คืน
bulletทัวร์บาหลี
bulletทัวร์บาหลี 4 วัน 3 คืน
bulletทัวร์พม่า
bulletทัวร์พม่า 3 วัน 2 คืน
dot
โปรแกรมช่วง ก.พ.- พ.ค.
dot
bulletแพคเกจทัวร์ .. เกาะกูด 3D2N
bulletน้ำตกทีลอซู จ.ตาก 2D1N
bulletเชี่ยวหลาน+ดำน้ำชุมพร 3D2N
bulletเชี่ยวหลาน+ดำน้ำชุมพร 2D1N
dot
โปรแกรมช่วง มิ.ย. - ต.ค.
dot
bulletทีลอซู .. ทริปเดินเท้า 3D2N
bulletแพคเกจทัวร์ล่องแก่งลำน้ำเข็ก
bulletเขาค้อ-ทับเบิก-ล่องแก่งลำน้ำเข็ก
bulletเพื่อนบ้านของเรา


สุนทรภู่ article

วัยเด็ก (พ.ศ.๒๓๒๙ - ๒๓๔๙) แรกเกิด - อายุ ๒๐ ปี

   พระสุนทรโวหาร (ภู่)  มีนามเดิมว่า ภู่  เป็นบุตรขุนศรีสังหาร (พลับ) และแม่ช้อย  เกิดในรัชกาลที่ ๑
กรุงรัตนโกสินทร์  เมื่อวันจันทร์ เดือนแปด ขึ้นหนึ่งค่ำ ปีมะเมีย จุลศักราช ๑๑๔๘  เวลาสองโมงเช้า ตรงกับวันที่
๒๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๓๒๙  ที่บ้านใกล้กำแพงวังหลัง  คลองบางกอกน้อย
   สุนทรภู่เกิดได้ไม่นาน  บิดามารดาก็หย่าจากกัน  ฝ่ายบิดากลับไปบวชที่บ้านกร่ำ  เมืองแกลง  ส่วนมารดา
คงเป็นนางนมพระธิดาในกรมพระราชวังหลัง (กล่าวกันว่าพระองค์เจ้าจงกล หรือเจ้าครอกทองอยู่) ได้แต่งงาน
มีสามีใหม่ และมีบุตรกับสามีใหม่ ๒ คนเป็นหญิง ชื่อฉิมและนิ่ม    ตัวสุนทรภู่เองได้ถวายตัวเป็นข้าในกรมพระ
ราชวังหลังตั้งแต่ยังเด็ก
   สุนทรภู่เป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอน  สันทัดทั้งสักวาและเพลงยาว  เมื่อรุ่นหนุ่มเกิดรักใคร่ชอบพอกับนาง
ข้าหลวงในวังหลัง ชื่อแม่จัน     ครั้นความทราบถึงกรมพระราชวังหลัง    พระองค์ก็กริ้ว   รับสั่งให้นำสุนทรภู่
และจันไปจองจำทันที  แต่ทั้งสองถูกจองจำได้ไม่นาน  เมื่อกรมพระราชวังหลังเสด็จทิวงคตในปี พ.ศ. ๒๓๔๙ 
ทั้งสองก็พ้นโทษออกมา  เพราะเป็นประเพณีแต่โบราณที่จะมีการปล่อยนักโทษ  เพื่ออุทิศส่วนพระราชกุศลแด่
พระมหากษัตริย์หรือพระราชวงศ์ชั้นสูง  เมื่อเสด็จสวรรคตหรือทิวงคตแล้ว
   แม้จะพ้นโทษ  สุนทรภู่และจันก็ยังมิอาจสมหวังในรัก   สุนทรภู่ถูกใช้ไปชลบุรี  ดังความตอนหนึ่งใน
นิราศเมืองแกลงว่า
   "จะกรวดน้ำคว่ำขันจนวันตาย   แม้เจ้านายท่านไม่ใช้แล้วไม่มา"
   แต่เจ้านายท่านใดใช้ไป และไปธุระเรื่องใดไม่ปรากฎ อย่างไรก็ดี สุนทรภู่ได้เดินทางเลยไปถึงบ้านกร่ำ
เมืองแกลง  จังหวัดระยอง     เพื่อไปพบบิดาที่จากกันกว่า   ๒๐   ปี     สุนทรภู่เกิดล้มเจ็บหนักเกือบถึงชีวิต 
กว่าจะกลับมากรุงเทพฯ ก็ล่วงถึงเดือน ๙ ปี พ.ศ.๒๓๔๙

วัยฉกรรจ์ (พ.ศ.๒๓๕๐ - ๒๓๕๙) อายุ ๒๑ - ๓๐ ปี

หลังจากกลับจากเมืองแกลง สุนทรภู่ได้เป็นมหาดเล็กของพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ พระโอรสองค์เล็ก
ของกรมพระราชวังหลัง ซึ่งทรงผนวชอยู่ที่วัดระฆัง ในช่วงนี้ สุนทรภู่ก็สมหวังในรัก ได้แม่จันเป็นภรรยา
สุนทรภู่คงเป็นคนเจ้าชู้ แต่งงานได้ไม่นานก็เกิดระหองระแหงกับแม่จัน ยังไม่ทันคืนดี สุนทรภู่ก็
ต้องตามเสด็จพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ไปนมัสการพระพุทธบาท จ.สระบุรี ในวันมาฆบูชา สุนทรภู่ได้แต่งนิราศ
เรื่องที่สองขึ้น คือ นิราศพระบาท สุนทรภู่ตามเสด็จกลับถึงกรุงเทพฯ ในเดือน ๓ ปี พ.ศ.๒๓๕๐
สุนทรภู่มีบุตรกับแม่จัน ๑ คน ชื่อหนูพัด แต่ชีวิตครอบครัวก็ยังไม่ราบรื่นนัก ในที่สุดแม่จันก็ร้างลาไป
พระองค์เจ้าจงกล (เจ้าครอกทองอยู่) ได้รับอุปการะหนูพัดไว้ ชีวิตของท่านสุนทรภู่ช่วงนี้คงโศกเศร้ามิใช่น้อย
ประวัติชีวิตของสุนทรภู่ในช่วงปี พ.ศ.๒๓๕๐ - ๒๓๕๙ ก่อนเข้ารับราชการ ไม่ชัดแจ้ง แต่เชื่อว่าท่าน
หนีความเศร้าออกไปเพชรบุรี ทำไร่ทำนาอยู่กับหม่อมบุญนาคในพระราชวังหลัง ดังความตอนหนึ่งในนิราศ
เมืองเพชร ที่ท่านย้อนรำลึกความหลังสมัยหนุ่ม ว่า
"ถึงต้นตาลบ้านคุณหม่อมบุญนาค มารดาเจ้าคราวพระวังหลังครรไล เมื่อยามยากจนมาได้อาศัย มาทำไร่ทำนา
ท่านการุญ"
นักเลงกลอนอย่างท่านสุนทรภู่ ทำไร่ทำนาอยู่นานก็ชักเบื่อ ด้วยเลือดนักกลอนทำให้ท่านกลับมา
กรุงเทพฯ หากินทางรับจ้างแต่งเพลงยาว บอกบทสักวา จนถึงบอกบทละครนอก บางทีนิทานเรื่องแรกของ
ท่านคงจะแต่งขึ้นในช่วงนี้ การที่เกิดมีนิทานเรื่องใหม่ๆ ทำให้เป็นที่สนใจมาก เพราะสมัยนั้นมีแต่กลอน
นิทานจักรๆ วงศ์ๆ ไม่กี่เรื่อง ซ้ำไปซ้ำมาจนคนอ่านคนดูรู้เรื่องตลอดหมดแล้ว
นิทานของท่านทำให้นายบุญยัง เจ้าของคณะละครนอกชื่อดังในสมัยนั้นมาติดต่อว่าจ้างสุนทรภู่ ท่าน
จึงได้ร่วมคณะละคร เป็นทั้งคนแต่งบทและบอกบท เดินทางเร่ร่อนไปกับคณะละครจนทั่ว ดังตอนหนึ่งใน
นิราศสุพรรณคำโคลง ท่านรำลึกถึงครั้งเดินทางกับคณะละครว่า
" ๏ บางระมาดมิ่งมิตรครั้ง บอกบทบุญยังพยาน ประทุนประดิษฐาน แหวนประดับกับผ้า คราวงาน พยักหน้า
แทนฮ่อง หอเอย พี่อ้างรางวัล "
นิทานเรื่องสำคัญที่สุด คือ เรื่องพระอภัยมณี ก็น่าจะเริ่มแต่งในช่วงนี้ด้วย (เป็นแต่เริ่มแต่ง มิได้
แต่งตลอดทั้งเรื่อง) นิทานเรื่องนี้แปลกแหวกแนวยิ่งกว่านิทานจักรๆ วงศ์ๆ เรื่องใดที่เคยมีมา ทำให้คณะ
ละครนายบุญยังโด่งดังเป็นพลุ เป็นที่ต้องการของใครต่อใคร และแน่นอนชื่อเสียงของท่านสุนทรภู่ก็
โด่งดังไปไม่แพ้กัน ทั่วทั้งกรุงเทพฯ และหัวเมืองใกล้เคียง

รับราชการครั้งที่ ๑ (พ.ศ.๒๓๕๙ - ๒๓๖๗) อายุ ๓๐ - ๓๘ ปี

พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงเป็นมหากวีและทรงสนพระทัยเรื่องการละครเป็น
อย่างยิ่ง ในรัชสมัยของพระองค์ได้กวดขันการฝึกหัดวิธีรำจนได้ที่ เป็นแบบอย่างของละครรำมาตราบ
ทุกวันนี้ พระองค์ยังทรงพระราชนิพนธ์บทละครขึ้นใหม่อีกถึง ๗ เรื่อง มีเรื่องอิเหนาและเรื่องรามเกียรติ์
เป็นต้น
มูลเหตุที่สุนทรภู่ได้เข้ารับราชการ น่าจะเนื่องมาจากเรื่องละครนี้เอง ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับกรณี
ทอดบัตรสนเท่ห์ เพราะจากกรณีบัตรสนเท่ห์นั้น คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องถูกประหารชีวิตถึง ๑๐ คน แม้แต่
นายแหโขลน คนซื้อกระดาษดินสอ ก็ยังถูกประหารชีวิตด้วย มีหรือสุนทรภู่จะรอดชีวิตมาได้ นอกจากนี้
สุนทรภู่เป็นแต่เพียงไพร่ มีชีวิตอยู่นอกวังหลวง ช่วงอายุก่อนหน้านี้ก็วนเวียนและเวียนใจอยู่กับเรื่อง
ความรัก ที่ไหนจะมีเวลามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง (กรณีวิเคราะห์นี้ มิได้รับรองโดยนักประวัติศาสตร์
เป็นความเห็นของคุณปราโมทย์ ทัศนาสุวรรณ เขียนไว้ในหนังสือ "เที่ยวไปกับสุนทรภู่" ซึ่งเห็นว่า
มูลเหตุที่สุนทรภู่ได้เข้า รับราชการ น่าจะมาจากเรื่องละครมากกว่าเรื่องอื่น ซึ่งข้าพเจ้าพิเคราะห์ดู
ก็เห็นน่าจะจริง ผิดถูกเช่นไรโปรดใช้วิจารณญาณ) อย่างไรก็ดี สุนทรภู่ได้เข้ารับราชการในปี พ.ศ.๒๓๕๙
ในกรมพระอาลักษณ์ เรื่องราวของกวี
ที่ปรึกษาท่านนี้ ที่ได้แสดงฝีมือเป็นที่พอพระทัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เล่าว่า
ครั้งหนึ่ง เมื่อพระองค์ทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์ ถึงตอนนางสีดาผูกคอตาย บท
พระราชนิพนธ์รัชกาลที่ ๑ ซึ่งเล่นละครกันมา กล่าวบทนางสีดาตอนเมื่อจะผูกคอตายว่า
"เอาภูษาผูกศอให้มั่น หลับเนตรจำนงปลงใจ แล้วพันกับกิ่งโศกใหญ่ อรไทก็โจนลงมา"
ต่อนี้ถึงบทหนุมานว่า
"๏ บัดนั้น ครั้นเห็นองค์อัครกัลยา ตัวสั่นเพียงสิ้นชีวิต โลดโผนโจนลงตรงไป ครั้นถึงจึงแก้ภูษาทรง
หย่อนลงยังพื้นปัถพี วายุบุตรวุฒิไกรใจกล้า ผูกศอโจนมาก็ตกใจ ร้อนจิตดังหนึ่งเพลิงไหม้
ด้วยกำลังว่องไวทันที (เชิด) ที่ผูกศอองค์พระลักษมี ขุนกระบี่ก็โจนลงมา"
ทรงติว่าบทเก่าตรงนี้ กว่าหนุมานจะเข้าไปแก้ไขนางสีดา นางสีดาก็คงตายไปแล้ว จึงทรง
พระราชนิพนธ์ตอนนี้ใหม่ หวังจะให้หนุมานเข้าไปช่วยนางสีดาได้โดยเร็ว ทรงแต่งบทนางสีดาว่า
"จึงเอาผ้าผูกพันกระสันรัด เกี่ยวกระหวัดกับกิ่งโศกใหญ่"
แล้วก็เกิดขัดข้องว่า จะแต่งบทหนุมานอย่างไรให้แก้นางสีดาโดยเร็ว เหล่ากวีที่ปรึกษาไม่มีใคร
สามารถแต่งบทให้พอพระราชหฤทัยได้ จึงโปรดให้สุนทรภู่ที่หมอบเฝ้าอยู่ด้วยลองแต่งดู
สุนทรภู่แต่งต่อว่า
"ชายหนึ่งผูกศออรไท ๏ บัดนั้น แล้วทอดองค์ลงไปจะให้ตาย วายุบุตรแก้ได้ดังใจหมาย"
ปรากฏว่าเป็นที่พอพระราชหฤทัยเป็นอย่างยิ่ง ทรงยกย่องสุนทรภู่ว่าเก่ง
อีกคราวหนึ่งเมื่อทรงพระราชนิพนธ์เรื่องรามเกียรติ์ตอนศึกสิบขุนสิบรถ ทรงพระราชนิพนธ์บท
ชมรถทศกัณฐ์ว่า
"๏ รถที่นั่ง กว้างยาวใหญ่เท่าเขาจักรวาล ดุมวงกงหันเป็นควันคว้าง สารถีขี่ขับเข้าดงแดน บุษบกบัลลังก์ตั้งตระหง่าน
ยอดเยี่ยมเทียมวิมานเมืองแมน เทียมสิงห์วิ่งวางข้างละแสน พื้นแผ่นดินกระเด็นไปเป็นจุณ"
ทรงพระราชนิพนธ์มาได้เพียงนี้ ทรงนึกความที่จะต่อไปอย่างไรให้สมกับที่รถใหญ่โตปานนั้นก็
นึกไม่ออก จึงมีรับสั่งให้สุนทรภู่แต่งต่อ สุนทรภู่แต่งต่อว่า
"นทีตีฟองนองระลอก เขาพระเมรุเอนเอียงอ่อนละมุน ทวยหาญโห่ร้องก้องกัมปนาท บดบังสุริยันตะวันเดือน
กระฉอกกระฉ่อนชลข้นขุ่น อนนต์หนุนดินดานสะท้านสะเทือน สุธาวาสไหวหวั่นลั่นเลื่อน คลาดเคลื่อนจัตุรงค์ตรงมา"
กลอนบทนี้เป็นที่โปรดปรานของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยยิ่งนัก นับแต่นั้นก็นับ
สุนทรภู่เป็นกวีที่ปรึกษาด้วยอีกคนหนึ่ง ทรงตั้งเป็นที่ขุนสุนทรโวหาร พระราชทานที่ให้ปลูกเรือนที่ท่าช้าง
และให้มีตำแหน่งเฝ้าฯ เป็นนิจ แม้เวลาเสด็จประพาสก็โปรดฯ ให้สุนทรภู่ลงเรือพระที่นั่งไปด้วย เป็น
พนักงานอ่านเขียนในเวลาทรงพระราชนิพนธ์บทกลอน

ออกบวช (พ.ศ.๒๓๖๗ - ๒๓๘๕) อายุ ๓๘ - ๕๖ ปี

วันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๓๖๗ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จสวรรคต นอกจาก
แผ่นดินและผืนฟ้าจะร่ำไห้ ไพร่ธรรมดาคนหนึ่งที่มีโอกาสสูงสุดในชีวิตได้เป็นถึงกวีที่ปรึกษาในราชสำนัก
ก็หมดวาสนาไปด้วย
สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงพระนิพนธ์ไว้ถึงเหตุที่สุนทรภู่ไม่กล้ารับราชการต่อใน
แผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ดังนี้
"เล่ากันว่า เมื่อทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องอิเหนา ทรงแต่งตอนนางบุษบาเล่นธาร เมื่อท้าว
ดาหาไปใช้บน พระราชทานให้พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อยังดำรงพระยศเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ
กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ทรงแต่ง
"เมื่อทรงแต่งแล้ว ถึงวันจะอ่านถวายตัว พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มีรับสั่งวานสุนทรภู่
ตรวจดูเสียก่อน สุนทรภู่อ่านแล้วกราบทูลว่า เห็นดีอยู่แล้ว ครั้นเสด็จออก เมื่อโปรดให้อ่านต่อหน้ากวีที่ทรง
ปรึกษาพร้อมกัน ถึงบทแห่งหนึ่งว่า
" 'น้ำใสไหลเย็นแลเห็นตัว ปลาแหวกกอบัวอยู่ไหวไหว'
"สุนทรภู่ติว่ายังไม่ดี ขอแก้เป็น
" 'น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา ว่ายแหวกปทุมาอยู่ไหวไหว'
"โปรดตามที่สุนทรภู่แก้ พอเสด็จขึ้นแล้ว พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวก็กริ้ว ดำรัสว่า เมื่อ
ขอให้ตรวจทำไมจึงไม่แก้ไข แกล้งนิ่งเอาไปไว้ติหักหน้ากลางคัน เป็นเรื่องที่ทรงขัดเคืองสุนทรภู่ครั้งหนึ่ง
"อีกครั้งหนึ่ง รับสั่งให้พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงแต่งบทละครเรื่องสังข์ทอง ตอน
ท้าวสามลจะให้ลูกสาวเลือกคู่ ทรงแต่งคำปรารภของท้าวสามลว่า
" 'จำจะปลูกฝังเสียยังแล้ว ให้ลูกแก้วสมมาดปรารถนา'
"ครั้นถึงเวลาอ่านถวาย สุนทรภู่ถามขึ้นว่า 'ลูกปรารถนาอะไร' พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
ต้องแก้ว่า
" 'จำจะปลูกฝังเสียยังแล้ว ให้ลูกแก้วมีคู่เสน่หา'
"ทรงขัดเคืองสุนทรภู่ว่าแกล้งประมาทอีกครั้งหนึ่ง แต่นั้นก็ว่าพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงมึนตึงต่อสุนทรภู่มาจนตลอดรัชกาลที่ ๒ ... "
จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เพียงคิดได้ด้วยเฉพาะหน้าตรงนั้นก็ตาม สุนทรภู่ก็ได้ทำการไม่เป็นที่พอ
พระราชหฤทัย ประกอบกับความอาลัยเสียใจหนักหนาในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย สุนทรภู่
จึงลาออกจากราชการ และตั้งใจบวชเพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณ สุนทรภู่ได้เผยความในใจนี้ ในตอนหนึ่ง
ของนิราศภูเขาทอง ว่า
"จะสร้างพรตอตส่าห์ส่งบุญถวาย เป็นสิ่งของฉลองคุณมุลิกา ประพฤติฝ่ายสมถะทั้งวสา
ขอเป็นข้าเคียงพระบาททุกชาติไป"
เมื่อบวชแล้ว ท่านได้ออกจาริกแสวงบุญไปยังที่ต่างๆ เล่ากันว่า ท่านได้เดินทางไปยังหัวเมืองต่างๆ
หลายแห่ง เช่น เมืองพิษณุโลก เมืองประจวบคีรีขันธ์ จนถึงเมืองถลางหรือภูเก็ต และเชื่อกันว่า ท่านคงจะ
เขียนนิราศเมืองต่างๆ นี้ไว้อย่างแน่นอน เพียงแต่ยังค้นหาต้นฉบับไม่พบ
ราวปี พ.ศ.๒๓๗๐ ท่านก็กลับมาจำพรรษาที่วัดราชบูรณะ หรือวัดเลียบ แต่หลังจากกลับมาอยู่ได้ไม่นาน
สุนทรภู่เกิดอธิกรณ์กับพระในวัด อาจด้วยเหตุทะเลาะวิวาทอย่างใดอย่างหนึ่ง (บางแห่งสันนิษฐานว่าท่านเมา
สุรา) จึงถูกขับออกจากวัด เมื่อรับกฐินในปลายปี พ.ศ.๒๓๗๑ ท่านก็ออกเดินทางไปกรุงเก่า และได้แต่งนิราศ
ภูเขาทอง อันเป็นนิราศเรื่องเยี่ยมที่สุดของท่าน และเป็นวรรณกรรมชิ้นเอกของวงการกวีไทย เหตุที่คาดว่าท่าน
เกิดการวิวาทกับพระในวัด ด้วยความตอนหนึ่งในนิราศภูเขาทองกล่าวว่า
"โอ้อาวาสราชบูรณะพระวิหาร เหลือรำลึกนึกน่าน้ำตากระเด็น จะหยิบยกอธิบดีเป็นที่ตั้ง จึ่งจำลาอาวาสนิราศร้าง
แต่นี้นานนับทิวาจะมาเห็น เพราะขุกเข็ญคนพาลมารานทาง ก็ใช้ถังแทนเห็นขัดขวาง มาอ้างว้างวิญญาในสาคร"
เมื่อกลับจากกรุงเก่า พระสุนทรภู่ได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดอรุณราชวราราม หรือวัดแจ้ง ปี พ.ศ.๒๓๗๒
เจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดีในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงฝากเจ้าฟ้ากลางและเจ้าฟ้าปิ๋ว พระโอรส
องค์กลางและองค์น้อยให้เป็นศิษย์สุนทรภู่ การมีศิษย์ชั้นเจ้าฟ้าเช่นนี้จึงทำให้พระสุนทรภู่สุขสบายขึ้น
พระสุนทรภู่อยู่วัดอรุณฯ ราว ๒ ปี จึงข้ามฟากมาจำพรรษาอยู่ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือ
วัดโพธิ์ เล่ากันถึงสาเหตุที่พระสุนทรภู่ย้ายวัดมา ก็เพราะสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส
ทรงชักชวนให้มาอยู่ด้วยกัน สมเด็จฯ ทรงเป็นกวีองค์สำคัญของกรุงรัตนโกสินทร์พระองค์หนึ่ง เชื่อว่าคงจะ
ทรงคุ้นเคยกับสุนทรภู่ในฐานะที่เป็นกวีด้วยกัน โดยเฉพาะสมัยที่สุนทรภู่เป็นขุนสุนทรโวหารในรัชกาลที่ ๒
ชีพจรลงเท้าสุนทรภู่อีกครั้ง เมื่อท่านเกิดไปสนใจเรื่องเล่นแร่แปรธาตุและยาอายุวัฒนะ ถึงแก่อุตสาหะ
ไปค้นหา ทำให้เกิดนิราศวัดเจ้าฟ้า และนิราศสุพรรณ
ปี พ.ศ.๒๓๘๓ สุนทรภู่มาจำพรรษาอยู่ที่วัดเทพธิดาราม ท่านอยู่ที่นี่ได้ ๓ พรรษา คืนหนึ่งเกิดฝันร้าย
ว่าชะตาขาด จะถึงแก่ชีวิต จึงได้แต่งเรื่องรำพันพิลาป ซึ่งทำให้ทราบเรื่องราวในชีวิตของท่านอีกเป็นอันมาก
จากนั้นจึงลาสิกขาบทเมื่อปี พ.ศ.๒๓๘๕ เพื่อเตรียมตัวจะตาย

รับราชการครั้งที่ ๒ (พ.ศ.๒๓๘๕ - ๒๓๙๘) อายุ ๕๖ - ๖๙ ปี

เมื่อสึกออกมา สุนทรภู่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งทรง
พระยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ โปรดอุปถัมภ์ให้สุนทรภู่ไปอยู่พระราชวัง
เดิมด้วย ต่อมา กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ ทรงพระเมตตาอุปการะสุนทรภู่ด้วย กล่าวกันว่า ชอบพระราชหฤทัย
ในเรื่องพระอภัยมณี จึงมีรับสั่งให้สุนทรภู่แต่งต่อ นอกจากนี้ สุนทรภู่ยังแต่งเรื่องสิงหไตรภพถวายกรมหมื่น
อัปสรฯ อีกเรื่องหนึ่ง
แม้สุนทรภู่จะอายุมากแล้ว แต่ท่านก็ยังรักการเดินทางและรักกลอนเป็นที่สุด ท่านได้แต่งนิราศไว้อีก
๒ เรื่องคือนิราศพระประธม และนิราศเมืองเพชร
สุนทรภู่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "พระสุนทรโวหาร" ในปี พ.ศ.๒๓๙๔ ขณะที่ท่านมีอายุ
ได้ ๖๕ ปีแล้ว ท่านถึงแก่อนิจกรรมเมื่อปี พ.ศ.๒๓๙๘ รวมอายุได้ ๖๙ ปี

ผลงานสุนทรภู่

ผลงานสุนทรภู่ และวรรณกรรมของสุนทรภู่ มีอยู่มากมาย มีทั้งที่เป็น
... ประเภทนิราศมี ๙ เรื่อง
1. นิราศเมืองแกลง 2350 2. นิราศพระบาท 2350
3. นิราศภูเขาทอง 2371  4. นิราศเมืองเพชร 2371-2374
5. นิราศวัดเจ้าฟ้า 2375  6. นิราศอิเหนา 2375-2378
7. นิราศสุพรรณ 2377-2380  8. รำพันพิลาป 2385
9. นิราศพระประธม 2385-2388
ประเภทนิทานมี ๕ เรื่อง 1. โคบุตร 2. พระอภัยมณี 3. พระไชยสุริยา 4. ลักษณะวงศ์ 5. สิงหไกรภพ
ประเภทสุภาษิตมี ๒ เรื่อง 1. สวัสดิรักษา 2. เพลงยาวถวายโอวาท
ประเภทบทละครมี ๑ เรื่อง 1. อภัยนุราช
ประเภทเสภามี ๒ เรื่อง 1. ขุนช้างขุนแผน ตอนกำเนิดพลายงาม 2. พระราชพงศาวดาร
ประเภทบทเห่กล่อมมี ๔ เรื่อง 1. จับระบำ 2. กากี 3. พระอภัยมณี 4. โคบุตร

ขอขอบคุณที่มา :  http://www.geocities.com/tthida/index2.html


 



ชื่อ
เบอร์โทรศัพท์
อีเมล
หัวข้อ
รายละเอียด




Travel News!!

การกลับมาของปลาการ์ตูน article
ศึกษาเกาะสุรินทร์ article
ภูกระดึง...ใกล้ใจ ไกลตีน article
หลากหลายความเห็นกับ " กระเช้าลอยฟ้าภูกระดึง " article
เตรียมใจก่อนไป Siam Ocean Wolrd article
สยามพารากอน, สยาม โอเชี่ยน เวิร์ล article
ท่องโลกใต้ทะเลแนวใหม่ ไปกับเรือดำน้ำ article
ถ้ำน้ำแข็ง " แก้วโกมล " (เริ่ม) มัวหม่นเพราะใคร ? article
อันซีนฯ อันดามัน article
" ตะรุเตา " เกาะสวรรค์แห่งอันดามัน article
นานาทัศนะทะเลไทย ครบ 1 ปี หลังสึนามิ article
ประติมากรรมใต้ทะเล article
1 ปีสึนามิกับความแตกต่างทางอารมณ์ article
รู้จักไม้มงคลประจำวันเกิดและราศีเกิด article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.
ออนทูทัวร์

[ที่พักติดหาดปากน้ำหลังสวน : 99bayresort]