www.OnToTour.CoM ขอแนะนำเว็บเกี่ยวกับ ภูสอยดาว
© travel.sanook.com เรื่องเล่า " ทุ่งดอกไม้สุดปลายฟ้า
.ภูสอยดาว จ.อุตรดิตถ์ " พร้อมกระทู้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ ภูสอยดาว
© travel.sanook.com เรื่องเล่าความประทับใจ ผมชอบอ่านมากๆ ครับ
© pantip.com นี่ก็เป็นอีกหนึ่งบทความเกี่ยวกับ ภูสอยดาว ที่เล่าได้ดี ภาพสวย ชัดเจน
© pantip.com กระทู้ ภูสอยดาว เล่าเรื่องประกอบภาพ ทำให้รู้ว่า ดอกหงอนนาค ดอกกระดุมเงิน หน้าตาเป็นแบบนี้


ภาพโดย : www.skyphotoexpress.com
การเดินทาง สู่อุทยานแห่งชาติ ภูสอยดาว มีอยู่ 2 เส้นทาง คือ
1. กรุงเทพฯ-อุตรดิตถ์ เมื่อถึงอุตรดิตถ์ เดินทางต่อไปตามทางหลวงหมายเลข 1047 ระยะทาง 68 กิโลเมตร ถึงอำเภอน้ำปาดแล้วเลี้ยวขวาบริเวณโรงพยาบาลน้ำปาด ตามทางหลวงหมายเลข 1239 ไปอีก 47 กิโลเมตร จะพบทางสามแยก(เลี้ยวซ้ายจะไปบ้านห้วยมุ่น) ให้ตรงไปตามทางหลวงหมายเลข 1268 อีก 18 กิโลเมตร ก็จะถึงอุทยานแห่งชาติ ภูสอยดาว( บริเวณน้ำตก ภูสอยดาว )
2. กรุงเทพฯ-พิษณุโลก จากพิษณุโลก เดินทางต่อไปยังอำเภอนครไทย และจากอำเภอนครไทยเลี้ยวซ้ายตามทางหลวงหมายเลข 1143 ระยะทาง 31 กิโลเมตร ถึงอำเภอชาติตระการ แล้วเดินทางต่อจากอำเภอชาติตระการไปอีก 73 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ภูสอยดาว
อุทยานแห่งชาติ ภูสอยดาว จะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินขึ้นตั้งแต่เวลา 8.00-13.00 น. เพราะถ้าเลย 13.00 น. ไปแล้ว เส้นทางเดินที่ค่อนข้างชัน จะทำให้ถึงที่ลานสนมืดค่ำ และเป็นอันตรายได้ จะใช้เวลาเดินประมาณ 4-6 ชั่วโมงแล้วแต่ความฟิตของร่างกาย

ภาพโดย : www.skyphotoexpress.com
ลักษณะภูมิประเทศ พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า
สภาพป่าโดยทั่วไปเป็นป่าดิบเขาสลับทุ่งหญ้า และป่าสนบนสันเขาสูง ซึ่งมีที่ราบประมาณ 3,000 ไร่ โดยทั่วๆไปเป็นป่าสนสามใบ จุดสูงสุดของเทือกเขานี้สูงประมาณ 1,800 เมตรจากระดับน้ำทะเล ที่ราบบนสันเขานี้จะมีไม้ดอกหลากหลายชนิดขึ้นอยู่เป็นจำนวนมากโดยเฉพาะในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม ซึ่งนักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาเที่ยวชมในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ ล้วนประทับใจในความสวยงามและเพลินเพลินกับธรรมชาติ
ช่วงเวลาในการท่องเที่ยวที่เหมาะสมจะอยู่ในช่วงเดือน กันยายน-กุมภาพันธ์
ลักษณะภูมิอากาศ
สภาพภูมิอากาศ ค่อนข้างเย็นสบายตลอดปี เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของป่าธรรมชาติซึ่งมีพันธุ์ไม้ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น ในช่วงฤดูหนาวเป็นช่วงที่อากาศค่อนข้างหนาวเย็นและมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปเป็นจำนวนมาก
จุดเด่นที่น่าสนใจ
ทุ่งหญ้า ป่าสน และทุ่งดอกไม้ มีพันธุ์ไม้ดอกหลายชนิดตามเส้นทางเดิน นอกจากนั้นยังมีจุดชมวิวที่สวยงามได้เห็นทัศนียภาพผ่านแนวขุนเขาของเขตจังหวัดอุตรดิตถ์ บริเวณลานสน จะเป็นที่ราบกว้างเขียวขจี มี สนสามใบ สนสองใบต้นโต ที่ยืนต้นเรียงราย ด้านล่างจะปกคลุมด้วยหญ้าสั้นๆ สำหรับดอกไม้นั้นจะมี ดอกหงอนนาค สีม่วงอ่อน ดอกกระดุมเงิน และดอกไม้ป่าอื่นๆหลากสีสันบริเวณทุ่งหญ้าก็เต็มไปด้วยดอกไม้สองข้างทางเดิน นอกจากนั้นยังมีจุดชมวิวที่สวยงามได้เห็นทัศนียภาพผ่านแนวขุนเขาของเขตจังหวัดอุตรดิตถ์ บนยอด ภูสอยดาว นี้ยังมีสภาพเป็นป่าสนสลับกับป่าดงดิบ มีความบริสุทธิ์ของธรรมชาติอย่างสมบูรณ์แบบ
นอกจากนั้นยังมีจุดตั้งแคมป์ สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะกางเต้นท์บน ลานสน บน ลานสน มีลำธารไหลผ่านกลางทุ่งสน เป็นลำธารใส สามารถใช้ในการอุปโภคและบริโภคได้
น้ำตกภูสอยดาว เป็นน้ำตกที่สวยงาม อยู่ริมทางหลวงหมายเลข 1268 มีทั้งหมด 5 ชั้น ซึ่งแต่ละชั้นล้วนแต่สวยงาม และที่บริเวณน้ำตก ภูสอยดาว นี้ยังเป็นที่ตั้งของศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวทุกคณะจะต้องติดต่อประสานงานกับศูนย์บริการฯ นี้ก่อนขึ้นทุกครั้ง
น้ำตกสายทิพย์ เป็นน้ำตกที่อยู่บน ลานสน และมีความสำคัญต่อนักท่องเที่ยวทุกคณะ เนื่องจากต้องใช้น้ำตกสายนี้ดื่มกิน และใช้สอยในด้านต่างๆ เมื่อไปพักแรมบนลานป่าสนของ ภูสอยดาว น้ำตกสายทิพย์นี้มีความสูง 7 ชั้น

ภาพโดย : www.skyphotoexpress.com
บนทางหลวงหมายเลข 1239 ซึ่งตลอดทางมีหมอกปกคลุมจึงต้องระมัดระวังในการขับรถ ถนนมีความคดเคี้ยวต้องใช้เกียร์ต่ำ สองข้างทางจะเห็นทิวทัศน์ธรรมชาติสวยงาม มีดอกไม้ป่าเบ่งบานเรียงรายอยู่ริมถนน เห็นวิถีชีวิตสภาพบ้านเรือนของชาวบ้านที่ปลูกอยู่ตามเนินเขา ดูแล้วเพลินตายิ่งนัก (แต่คนขับรถห้ามเพลิน เพราะสองข้างทางเป็นเหว!) ขับรถมาจนถึงโค้งสุดท้ายก็จะเห็นป้ายอุทยานแห่งชาติ ภูสอยดาว ถึงที่หมายแล้วให้ไปติดต่อศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเพื่อขอข้อมูลขึ้น ภูสอยดาว และสถานที่กางเต็นท์บนลานสน จากนั้นจัดเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นไปผจญภัยบนภู
จุดหมายแรก เนินส่งญาติ
แค่ชื่อทางขึ้นภูด่านแรกก็รู้แล้ว (เนินส่งญาติ) ว่าการผจญภัยกำลังจะเริ่ม ระยะทางในช่วงแรกประมาณ 1.5 กิโลเมตร เดินสบายๆ ทางไม่ลาดชัน จะพบเห็นน้ำตก ภูสอยดาว ความสูง 5 ชั้น น้ำที่ใสจนเห็นตัวปลาทำให้ต้องหยุดถ่ายภาพ ชื่นชมความสวยงามของน้ำตกแล้วเดินทางกันต่อสู่ เนินปราบเซียน ปราบเซียนจริงๆ ต้องเดินถึง 2 กิโลเมตรกว่าจะถึง เนินป่ากอ แต่ละย่างก้าวต้องใช้ความความระมัดระวัง เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่มีความลาดชันต้องเดินไต่เขาสูง 50 องศา โดยรอบจะเป็นป่าไผ่ ใบไผ่ที่แห้งตกอยู่เต็มพื้นต้องระวังลื่น หลังจากนั้นก็ถึง เนินป่ากอ สภาพแวดล้อมส่วนใหญ่ของ เนินป่ากอ เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ขนาดหลายคนโอบ จะพบดอกไม้ชนิดต่างๆ นกหลากหลายพันธุ์ เดินเพลินจนถึง เนินเสือโคร่ง ระยะทาง 700 เมตร ตรงจุดนี้สามารถหยุดพักชมความสวยของภูเขาที่สลับซับซ้อน มีหมอกปกคลุมโดยรอบ
แล้วเราก็มาถึงเนินที่นักท่องเที่ยวพูดกันมากที่สุด เนินมรณะ ได้ยินชื่ออย่าเพิ่งตกใจ! เป็นเนินที่มีความลาดชัน 70 องศา ต้องค่อยๆ ไต่ไปตามไหล่เขาพื้นที่โล่งเตียน ลมพัดแรงมาก ปีนขึ้นมาเรื่อยๆ เริ่มเห็นต้นสนสามใบที่อยู่เต็มลานสน และจะพบป้ายผู้พิชิตลานสนสามใบ ภูสอยดาว ระดับความสูง 1,633 เมตร อยู่ทางซ้ายมือ ทำให้รู้ว่ามาถึงยอดภูแล้ว
ทันทีที่เห็นบรรยากาศด้านบนก็หายเหนื่อยกันเป็นปลิดทิ้ง ทุ่งหญ้าที่เขียวขจีสลับกับเมฆหมอก ดอกไม้หลากสีสัน หลังจากที่ชื่นชมธรรมชาติได้สักพักทุกคนก็เริ่มจัดแจงกางเต็นท์ หุงหาอาหาร ก่อนที่พระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า ยิ่งใกล้ค่ำอากาศยิ่งเย็นลง ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี แสงสว่างดวงน้อยๆ เปล่งประกายเต็มท้องฟ้า นี่แหละ...สวรรค์บนดินของนักเดินทาง

ภาพโดย : www.skyphotoexpress.com

ภาพโดย : www.unseentrip.com